เทศน์เช้า วันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
เวลาความเข้าใจ เห็นไหม เราเข้าใจ นี่อวิชชา อวิชชามันเข้าใจผิด มันรู้อยู่แต่เข้าใจผิด เข้าใจไปคนละเรื่อง นี่อวิชชาครอบงำ มันตีความไปประสาคนเรานะ ดูสิ ประเพณีวัฒนธรรม เราธุดงค์ไป เห็นไหม พื้นที่ไหนพอเราเห็นประเพณี ย้อนกลับไปในพระไตรปิฎกสิ จะเห็นที่มาเลยล่ะ มันต้องมีที่มา สิ่งที่เขาทำนี่มาจากพระไตรปิฎกทั้งนั้น แล้วดูสิ เขามาถามนะว่า
ผิดศีลข้อ ๓ ผู้หญิงจะเป็นผู้ชาย ผู้ชายจะเป็นผู้หญิง ถ้าผิดศีลข้อ ๓
เราบอก มันเป็นไปไม่ได้หรอก! มันเป็นไปไม่ได้
แล้วมาตรึกดูนะ พอมาตรึกดู มันอยู่ในพระไตรปิฎก มีเศรษฐีนะ เศรษฐีเห็นพระกัจจายนะ พระกัจจายนะเป็นคนที่มีรูปร่างสวยงามมาก สวยงามมากนะ เศรษฐีนั้นมีความคิดไง มีเจตนาเข้าใจว่า ถ้าได้เป็นภรรยาเรานะ เราจะมีความสุขมาก พระนะ พระภิกษุแต่ร่างกายสวยงามไง แต่เศรษฐีเห็นว่าถ้าเราได้พระองค์นี้เป็นภรรยา เราจะมีความสุขมาก พอคิดเท่านั้นนะ..
เพราะพระกัจจายนะนี่เป็นพระอรหันต์ มาเผยแผ่ไปทางตะวันตกของประเทศ เห็นไหม ไปเทศน์เอาพระโสณะ พระโสณะจะบวช บวชไม่ได้ บวชได้เป็นเณร แล้วเทศน์อบรมอยู่ ภาวนาอยู่ รอพระให้ได้ ๑o องค์ กว่าจะบวชได้เป็นพระขึ้นมา เห็นไหม พระกัจจายนะสอนพระโสณะเป็นพระอรหันต์เหมือนกัน แล้วฝากให้พระโสณะไปกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระสมัยพุทธกาลนะ ใครได้บวชแล้ว ใครปฏิบัติแล้วถึงที่สุดแห่งทุกข์แล้ว จะคิดถึงคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อยากจะกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาก จะไปกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่พระกัจจายนะเป็นพระอรหันต์ที่มาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ออกมาเผยแผ่ธรรมอยู่เห็นไหม ฝากพระโสณะไปขอพรองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๒ อย่าง
อย่างหนึ่งคือภาคตะวันตกของประเทศ หินปูน.. เวลาใส่รองเท้าไป รองเท้าหนังชั้นเดียวใส่แล้วมันบางเกินไป ให้ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอให้ใส่รองเท้าหลายชั้นก็ได้ สอง..ชนบทประเทศ ถ้าจะบวชพระ รอพระ ๑o องค์ให้ครบสงฆ์นี่ มันอยู่ชนบทใช่ไหม พระมันน้อย กว่าจะรวมได้ ๑o องค์ กว่าจะบวชพระได้นี่มันช้ามาก ขอให้ ๕ องค์ก็บวชได้ เห็นไหม ขอพระโสณะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระโสณะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้นอนอยู่ในอาคารเดียวกัน อยู่ในกุฏิเดียวกัน แล้วให้พระโสณะเทศน์ให้ฟัง อธิบายธรรมให้ฟัง เห็นไหม ผู้ที่อธิบายธรรมให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฟังแล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสรรเสริญ พระอรหันต์ทั้งนั้นนะ
นี่พระอรหันต์ พระกัจจายนะมีศักยภาพขนาดนั้นนะ รูปร่างสวยงามมาก เป็นพระอรหันต์ มีฤทธิ์มีเดชมาก เศรษฐีไปเจตนาไง ว่าถ้าเราได้ภิกษุองค์นี้เป็นภรรยา เราจะมีความสุขมาก ด้วยเจตนานั้น เพศเขาแปลงทันที เขาแปลงเพศจากผู้ชายเป็นผู้หญิงทันที
พอเป็นผู้หญิงขึ้นมาทันที ด้วยความอาย อายมาก อายเขาไง พออายเขาไม่กล้ากลับบ้าน ก็เลยพเนจรไป เป็นผู้หญิงนะ พอพเนจรไปก็ไปอีกเมืองหนึ่ง ก็ไปได้สามี ไปได้สามีนะ มีลูกอีก ๒ คน ในขณะที่เขาเป็นเศรษฐี เขามีลูกของเขาอยู่แล้ว ๒ คน พอเขาแปลงเพศเป็นผู้หญิง เห็นไหม ถ้าแปลงเพศเป็นผู้หญิง สมมุติถ้าเราเป็นผู้ชายอยากเป็นผู้หญิง เห็นไหม เราจะไม่มีมดลูก เราจะมีลูกไม่ได้หรอก แต่นี่เขาแปลงด้วยฤทธิ์ ด้วยกรรม เขาแปลงจากผู้ชายไปเป็นผู้หญิง
แล้วพอเป็นผู้หญิง เขาไปอีกเมืองหนึ่ง เขาไปได้สามีเป็นเศรษฐีอีก พอได้สามี เขาก็ได้มีลูกอีก ๒ คน พอมีลูกอีก ๒ คนนะ พอดีพ่อค้าต่างเมืองเขามาค้างในเมืองนั้น เขาคิดถึงไง เขาไปถามพ่อค้านะว่าจำได้ไหม บ้านเศรษฐีนั้นเขาเป็นอย่างไร ที่เขามีลูก ๒ คน ลูกเขาโตหรือยัง ด้วยความคิดถึง พอคิดถึงก็ไปถามไง ไปถามเข้า
พ่อค้าต่างก็ถามว่ารู้ได้อย่างไร ก็บอกตัวเขาเองนี่เป็นเศรษฐี แล้วเขาไปคิดไม่ดีกับพระกัจจายนะ เขาเลยเป็นผู้หญิงมาอย่างนี้ไง พ่อค้าต่างนั้นเขามีปัญญา เขาบอกให้ไปขอขมานะ ให้ไปขอขมาพระกัจจายนะ เอาดอกไม้ธูปเทียนเข้าไปขอขมาพระกัจจายนะ
พอเข้าไปขอขมา เห็นไหม เขาก็ทำตามนั้น พอตามนั้น เพศเขากลับคืนมาเป็นผู้ชายอย่างเดิม พอเป็นผู้ชายอย่างเดิม เขาเลยกลับไปเมืองเขาไง ไปครอบครัวของเขา เห็นไหม เขาเลยว่าเขามีลูก ๒ ฝ่าย ลูกที่เกิดจากเขาที่เขาเป็นผู้ชายนะมี ๒ คน ลูกที่เกิดจากเขาเป็นผู้หญิงมีอยู่ ๒ คน แต่เขาเข้าไปขอขมาแล้ว เห็นไหม เขาไปขอขมาแล้วเขายังกลับมาเป็นผู้ชายอย่างเดิม นี่การขอขมา
เราจะบอกว่า แต่เราคิดกันเองไง ว่าถ้าเราผิดศีลข้อ ๓ เราจะเป็นผู้หญิงเป็นผู้ชาย ถ้าเราคิดว่าเราผิดเอง หนึ่ง..เราผิดศีลนี่มีกรรมไหม มีกรรมเด็ดขาด การผิดศีลธรรม เพราะการผิดศีลข้อกาเมนี่มันมีโทษนะ มีกรรมมาก กรรมมากเพราะอะไร กรรมมากเพราะว่าหนึ่ง..เรา ๒ คนทำผิดกัน เราก็มีทุกข์อยู่แล้ว สอง..เรามีพ่อมีแม่ มีปู่ย่า มีตายายไหม เรามีปู่ย่าตายายหมด เรามีวงศ์ตระกูลไหม? ตระกูลน่ะถ้าเกิดมีความผิดพลาดขึ้นไป มันจะเสียหายไหม?
กรรมคือความทุกข์ กรรมคือสิ่งที่การกระทำ แต่การผิด การเปลี่ยนเพศ การว่าเปลี่ยนเพศไปมันเป็นเจตนา เป็นความผิดของแต่ละบุคคล เห็นไหมว่ากฎแห่งกรรม เขาว่ากฎแห่งกรรม กฎแห่งกรรมพูดถึงนี่มันเป็นกฎตายตัวนะ กฎวิทยาศาสตร์ที่เราคิดว่ากฎแห่งกรรมมันต้องเป็นสภาวะแบบนั้น แต่กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน เราทำกรรมไว้ กรรมต้องให้ผลแน่นอน แล้วให้ผลหนักด้วยถ้าทำกรรมชั่ว แต่เราก็เคยทำดีใช่ไหม คนๆ หนึ่งเคยทำดีและทำชั่วมาตลอด
ดูสิ ดูอย่างเราฆ่าคนตาย เราต้องมีกรรมแน่นอน ตัดสินถ้าเขาจับได้ติดคุก ๒o ปี แต่เวลาเขาวิสามัญฆาตกรรม ฆ่าคนตายเหมือนกัน แต่เพราะคนนั้นเป็นคนเลว คนนั้นเขาเป็นโจร เป็นมหาโจร แล้วตำรวจเขาฆ่าคนนั้นตาย เห็นไหม ฆ่าคนตายมีกรรมไหม มีเหมือนกัน คนๆ หนึ่งโดนตัดสินจำคุก ๒o ปี เจ้าหน้าที่ฆ่าคนตายตัดสินมีโทษไหม ต้องขึ้นฟ้องศาล แล้วศาลยกฟ้อง ยกฟ้องว่ามันเป็นวิสามัญเห็นไหม
การกระทำของคนมันมีหลายหลากมาก กฎแห่งกรรมมันกฎตายตัวนะ แต่กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน การจำแนกสัตว์นั้นมันมีเหตุมีปัจจัยตัวแปรอีกมหาศาลเลย มันจะเป็นตามนั้นไหม หรือไม่เป็นตามนั้นมันก็อีกเรื่องหนึ่งนะ มันเป็นความเห็นของอีกต่างที่มันเป็นไป กรรมตามความจริง กรรมต้องให้ผลตามความจริงแน่นอน
แต่สิ่งที่พระกัจจายนะท่านเป็นพระอรหันต์ แล้วพระอรหันต์เวลาเผยแผ่ธรรม ทำคุณประโยชน์กับศาสนามาก แล้วไปคิดโดยเจตนาไง มันไปคิดโดยเจตนา เห็นไหม เจตนาตัวใจที่เป็นนี่มันทำให้ผลกรรมมันเกิดตรงนั้น นี่ไม่ได้ผิดศีลนะเพียงแค่คิด แต่เพียงแค่คิดมันมีผลขนาดนั้น
แต่เราทำผิดศีล ถ้าผิดศีลขึ้นมา ทำไม่ผิดเห็นไหม เรามีคู่ครอง เราขอ เราแต่งงานกัน ทุกคนยกให้ ทุกคนรับรู้ เห็นไหม มันสิ่งที่ว่าเขามีครอบครัวของเขา อันนี้มันเป็นสัจจะความจริงนะ มันทำให้ความกังวลของใจสิ่งที่มันทำความเสียหายกับชื่อเสียงตระกูลมันไม่มี เห็นไหม กรรมมันเกิดที่นี่ ถ้าเกิดที่นี่นะ เราจะเห็นผลของกรรม นี่ถึงว่าศาสนธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามันเหนือการคาดหมายทั้งหมด ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ผู้ใดปฏิบัติธรรมด้นเดาธรรม คาดหมายธรรม เห็นไหม การคาด การหมาย การด้นเดาไป
สิ่งที่เกิดขึ้นในพระไตรปิฎกนะ เห็นไหม ดูสิที่ว่าเวลาเราใส่บาตรพระอรหันต์ที่ออกจากสมาบัติแล้วได้บุญมาก เราก็คิดจินตนาการไป แต่พระอรหันต์ที่ออกจากสมาบัติ แล้วพระองค์ไหนเป็นพระอรหันต์จริง? แล้วพระองค์ไหนที่เป็นพระอรหันต์ที่เข้าสมาบัติที่ออกจากสมาบัติ เรารู้ได้อย่างไร? มันก็เลยเป็นสังคมที่เอามาหาผลประโยชน์กัน เห็นไหม
แต่ถ้าเป็นครูบาอาจารย์ของเรานะ ครูบาอาจารย์ที่ทำได้จริง ท่านทำ.. เพราะอะไร เพราะคุณค่าของธรรมนี่มันเหนือโลก ธรรมนี่มีคุณค่ามหาศาลเลย ไอ้สิ่งที่ผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ที่โลกเขาหากัน นี่โมฆบุรุษ! ตายเพราะเหยื่อ ตายเพราะลาภ อยากได้เหยื่อ อยากได้ลาภ อยากได้ชื่อเสียงศักยภาพ มันฆ่าตายหมด มันฆ่าจิตดวงนั้นออกจากคุณงามความดีหมด เห็นไหม
แต่ครูบาอาจารย์ของเราไม่ใช่โมฆบุรุษ ไม่เห็นแก่ลาภสักการะ ไม่เห็นแก่สิ่งใดๆ เลย แต่สัจธรรมที่มีอยู่ต้องพิสูจน์ขึ้นมา ถ้าเราไม่พิสูจน์ขึ้นมา เรามีความลังเลสงสัยไหม?
ทุกคนอยากรู้ อยากเห็น อยากประพฤติปฏิบัติ แต่อยากรู้อยากเห็นโดยกิเลสนี่ทำให้เราเสียหายนะ แต่ผู้ที่มีคุณธรรมในหัวใจ สิ่งนี้มันพิสูจน์กันเหมือนนักวิทยาศาสตร์ทดลองวิทยาศาสตร์ว่ามันมีค่าจริงหรือเปล่า มีค่าจริงขึ้นมาก็จบไง มีค่าจริงมันก็มีค่าจริงตามค่าของอันนั้น
ใจเราก็เหมือนกัน ในการประพฤติปฏิบัติ ดูสิ พระอรหันต์แต่ละองค์ เห็นไหม บางองค์ระลึกชาติได้ ๕ ชาติ ๑o ชาติ ๑oo ชาติ ๑oo,ooo ชาติ จนไม่มีต้นไม่มีปลาย บางทีมีอภิญญา สิ่งนี้มันเป็นคุณสมบัติประจำตนนะ แต่ความสิ้นสุด.. ดูสิ เรามีการศึกษา จบวิชาทางการศึกษามา ได้ปริญญามา จบการศึกษามาเหมือนกัน แต่ความรู้คนไม่เหมือนกัน ความรู้คนไม่เท่ากัน ความถนัดของคนไม่เท่ากัน สิ่งนี้มันไม่เท่ากันทั้งนั้น
สิ่งที่เวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมา คุณธรรมในหัวใจนี่พระอรหันต์เหมือนกัน เป็นสิ้นสุดแห่งทุกข์เหมือนกัน แต่คุณสมบัติของจิตที่มันเป็นมันก็ไม่เหมือนกัน สิ่งที่มันไม่เหมือนกัน อันนั้นมันเป็นอำนาจวาสนาใช่ไหม เป็นบารมีใช่ไหม สิ่งที่สร้างมากับตัวใช่ไหม ตัวได้สร้างมา เห็นไหม สิ่งที่ความชอบ ความถนัดไม่เหมือนกันหรอก แต่เราสามารถมีการศึกษาให้ทัดเทียมกันได้ จบทางวิชาการเหมือนกันได้
นี่ก็เหมือนกัน อริยสัจสำคัญตรงนี้ไง สัจธรรม ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค สิ่งที่เป็นสัจจะความจริง เราสามารถกระทำได้ เราถึงทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ แต่สิ่งที่ความถนัดเรื่องอภิญญานั้นมันอีกเรื่องหนึ่งนะ มันอีกเรื่องหนึ่ง สัจธรรมถึงไม่ใช่สิ่งที่เหาะเหินเดินฟ้าที่ทายวาระจิต อภิญญาแก้กิเลสไม่ได้ สิ่งที่แก้กิเลสได้คือสัจธรรม ทุกข์-สุขเรานี่ ความทุกข์ที่เราจะพ้นจากทุกข์ มันต้องแก้อย่างไร มันต้องมีความสงบของใจเข้ามา เพราะมันละเอียดไง ความทุกข์คืออะไร?
ทุกข์คือความไม่พอใจ คือการขัดข้องใจ ทุกข์ไม่ใช่มันไม่มีจะกินนะ ไม่มีจะกิน กินอย่างอื่นก็ได้ เราไปคิดกันปัจจัยเครื่องอาศัย เราไม่มี เราขาดแคลนใช่ไหม เราถึงได้เป็นความทุกข์ แต่ความทุกข์ปัจจัยเครื่องอาศัยมันอาศัยหนึ่ง แต่ทุกข์จริงๆ มันคือขัดข้องในหัวใจ แล้วขัดข้องในหัวใจนี่มีกิน มีสมบัติมากขนาดไหน ถ้ามันทุกข์ก็คือทุกข์ ถ้ามันมีพอมีพอกินหรือมีเล็กน้อยแต่ถ้าหัวใจมันสุขก็คือสุข
ทำไมพระเราปฏิบัติ เห็นไหม ดูสิ บริขาร ๘ เท่านั้น สมบัติของพระนะ สมบัติส่วนตัวมีบริขาร ๘ สิ่งที่เกิดขึ้นมานี้เป็นของของสงฆ์ทั้งนั้นนะ เป็นของสาธารณะ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นของของสงฆ์ ภิกษุน้อมลาภสงฆ์มาสู่ตนเป็นอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ ของเป็นส่วนกลางน้อมมาสู่ตนนี่เป็นอาบัติทันทีเลย
แต่ของเป็นของสงฆ์ ดูแลรักษากัน วัด อาวาสต่างๆ มันเป็นส่วนกลาง สิ่งที่เป็นส่วนกลาง สิ่งที่เป็นสมบัติของตนได้คือบริขาร ๘ เท่านั้น แล้วถ้าเป็นบริขาร ๘ การเสพใช้บริขาร ๘ ถ้าไม่เป็นของของ บุคคลไปใช้ไม่ได้ด้วย นี่เห็นไหม ผ้าจีวร ผ้าต่างๆ ใช้ต้องพินทุอธิษฐาน ต้องพินทุอธิษฐานเป็นของส่วนบุคคล เป็นของของเรา ของของเรา เราใช้ของเราแล้วต้องรักษาของของเรา ถ้าผิดก็ผิดเรา เห็นไหม
ภิกษุ เห็นไหม อรุณขึ้น ผ้าห่างจากตน ผ้านั้นเป็นนิสสัคคีย์ ห่างจากตน ๑ ศอก เห็นไหม ผ้าไม่อยู่กับตนในอรุณขึ้น ผ้าส่วนบุคคลต้องรักษา ต้องเก็บรักษา ห่างจากเราไม่ได้ ในอรุณขึ้น ถ้าอรุณขึ้น ๑วันน่ะถ้าขาดไป วัตถุนั้นเป็นนิสสัคคีย์ ภิกษุเป็นปาจิตตีย์ ของบุคคลต้องรักษาเป็นของส่วนบุคคล
ถ้าของส่วนกลาง ของที่แจกได้ ของที่แจกไม่ได้ เห็นไหม สิ่งที่เป็นของส่วนกลาง ส่วนกลางเป็นประโยชน์อะไร มันสุข มันทุกข์ที่ไหน มันสุข มันทุกข์ที่เราใช่ไหม อย่างที่เรา ถ้าเราเป็นภิกษุ เรามีบริขาร ๘ แต่ความเป็นอยู่ของเราล่ะ ความเป็นอยู่ของเรา เราพอใจไหม ทำไมคนอื่นเขาพอใจล่ะ มันสุข-ทุกข์ที่ใจ ความสุข-ทุกข์ที่ใจ เราต้องแก้ไขกันที่ใจ อยู่ที่แก้ไขที่ใจ เห็นไหม
สิ่งที่เป็นข้างนอกเป็นประเพณีวัฒนธรรม สิ่งที่เป็นที่ว่าผิดศีลแล้วมันจะมีโทษหนักโทษเบา มันเป็นเจตนา เจตนาอาฆาตมาดร้ายทำจะให้โทษรุนแรงมาก ทำด้วยการพลั้งเผลอ ทำด้วยความสุดวิสัย มีสิ ในสมัยพุทธกาล กษัตริย์บังคับให้พวกอำมาตย์พวกอะไรที่ทำผิด เราทำผิดด้วยเราไม่มีเจตนานะ เราไม่ต้องการจะทำ แต่จำใจต้องทำ ถ้าไม่ทำหัวขาด เห็นไหม ความผิดอย่างนี้มันก็ไม่ใช่ความผิดที่เรา แต่ถ้าเราทำด้วยความพอใจของเรา เราทำด้วยความปรารถนาของเรา เราทำด้วยความจงใจของเรา เต็มๆ เลย!
การกระทำของคนมันก็ไม่เหมือนกัน เห็นไหม แล้วสิ่งที่จะให้ผล ผิดศีลข้อนี้จะเป็นอย่างนั้น กฎแห่งกรรม กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน สิ่งที่กรรมมันให้ผลแต่กฎตายตัวมันไม่มี มันไม่มีหรอก ถ้ากฎตายตัวมีนะ พระอรหันต์เกิดไม่ได้
เราเกิดมามีกิเลสหมดนะ แล้วกิเลสมันตายตัว เราจะพ้นจากกิเลสได้อย่างไร เราเกิดมามีกิเลสแต่สามารถชำระกิเลสได้ สามารถเอากิเลสออกจากหัวใจได้ด้วยมรรคญาณ ด้วยปัญญาของจิต ด้วยความคิดของหัวใจ ไม่ใช่ความคิดสมอง ความคิดสมองเป็นโลกียปัญญา ปัญญาที่เราใช้กันอยู่นี่ตรรกะฝึกฝนกันไป เห็นไหม
ถ้าพูดถึงย้อนกลับไปในศาสนา เราก็ดูของเรานะ ความเป็นไปของเรา ความเป็นจริงของเรา ถ้าทำได้ก็ทำได้ ศึกษา.. ศึกษาไว้เป็นคติ เป็นตัวอย่าง แล้วอย่าพึ่งเชื่อ..กาลามสูตร เวลาประพฤติปฏิบัติ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอก เห็นไหม เวลาเทศน์อนุปุพพิกถา ต้องให้เรื่องของทาน เรื่องของศีล เรื่องของเนกขัมมะ เรื่องของการเสียสละ แล้วเรื่องของอริยสัจ เห็นไหม มันต้องปูพื้นฐานขึ้นมา
ความศรัทธา ความเชื่อนี่มันจะดึงเราให้ศึกษา แต่ขณะที่ประพฤติปฏิบัติ เวลาศึกษาแล้วไม่ให้เชื่อสิ่งที่ศึกษามา เพราะการที่ศึกษามามันเป็นสัญญา มันเป็นทฤษฎี มันไม่ใช่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นมาจากเรา ความพอใจ ความคุ้นชิน ความถนัดของแต่ละบุคคลมันไม่เหมือนกัน พอไม่เหมือนกัน ต้องให้มันเป็นความเป็นจริงตามข้อเท็จจริง เห็นไหม
กาลามสูตร! ไม่ให้เชื่อแม้แต่อาจารย์พูด เพราะอาจารย์พูดแล้วความเคารพศรัทธามันน่าจะเป็นไปได้ แต่เราปฏิบัติแล้วมันไม่เป็นตามนั้น มันเป็นไปได้อย่างไร มันต้องปฏิบัติให้เชื่อสัจจะความจริง ให้เชื่ออริยสัจ ให้เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นในการประพฤติปฏิบัติ แล้วทดสอบ! แล้วทดสอบ! อย่าเชื่อเพราะว่าเชื่อว่ามันเป็นประสบการณ์เกิดขึ้นแล้วจะเชื่อเลย แล้วทดสอบ ทดสอบ เปรียบเทียบทดสอบ
ถ้ามันเป็นความจริงนะ ทดสอบขนาดไหนมันก็คงที่ ถ้าไม่เป็นความจริง ไม่ต้องทดสอบมันก็จะเสื่อมไปเป็นธรรมดา ไม่ต้องทดสอบ! มันเสื่อมไปธรรมชาติของมัน! แต่ถ้าเป็นความจริง ทดสอบขนาดไหนมันก็คงที่ของมันอย่างนั้น มันจะไม่เปลี่ยนแปลงเด็ดขาด มันเป็นอฐานะ มันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ มันคงที่ ทดสอบขนาดไหนมันยิ่งชัดเจน เห็นไหม เราถึงไม่ให้เชื่อใคร ไม่ให้เชื่อใครทั้งสิ้น เชื่อสัจจะความจริงแล้วทดสอบตรวจสอบให้เป็นสมบัติของเรา มันถึงจะเป็นความจริงของเรา เอวัง